แพทย์ทหาร แนะวิธีป้องกันฝุ่น PM 2.5 ยึดหลัก “หลีก ปิด ใช้ เลี่ยง ลด”

แพทย์ทหาร แนะวิธีป้องกันฝุ่น PM 2.5 ยึดหลัก “หลีก ปิด ใช้ เลี่ยง ลด”
     จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่สำคัญของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องหลายปี ซึ่งมีสาเหตุเกิดจากการเผาป่าและไฟป่า มลพิษ ควันจากท่อไอเสียของรถยนต์ อุตสาหกรรม การก่อสร้าง ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพของประชาชนทั่วไปและประชาชนกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว
     ในการนี้ พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 และคณะแพทย์ทหาร มีความห่วงใยต่อข้าราชการทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 รวมทั้งพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ต่อปัญหาดังกล่าว ซึ่งปัจจุบัน ค่าฝุ่น PM 2.5 มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั่วประเทศ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1) เด็กเล็ก (เด็กแรกเกิด- 5 ปี) เนื่องจากระบบป้องกันและภูมิคุ้มกันของร่างกายยังพัฒนาได้ไม่ดีเหมือนผู้ใหญ่ 2) หญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอายุครรภ์ 6 เดือนแรก อาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ที่กำลังพัฒนาอวัยวะต่างๆ อาจส่งผลกระทบในระยะยาว รวมถึงการคลอดก่อนกำหนด และทารกแรกคลอดมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ 3) ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคระบบทางเดินหายใจ และ
4) ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคปอด โรคหอบหืด และ 5) ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง เช่น ตำรวจ พนักงานทำความสะอาดถนน คนขับขี่รถโดยสารสาธารณะ พนักงานส่งอาหาร /พัสดุ แม่ค้าหาบเร่แผงลอย เป็นต้น ดังนั้น ขอให้ประชาชนป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 โดยยึดหลัก “หลีก ปิด ใช้ เลี่ยง ลด” คือ หลีก : หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่น โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ปิด : ประตูหน้าต่างให้มิดชิด ใช้ : หน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 ทุกครั้งเมื่อออกนอกอาคาร เลี่ยง : การทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน (มากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน) ลด : กิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น เช่น การใช้รถยนต์และการเผาทุกชนิด หากมีอาการป่วยจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้รีบไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อคัดกรอง วินิจฉัย และเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว
     จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า กองทัพภาคที่ 3 โดย โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤตทุกโอกาส
ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าว

Related posts